email-icon [email protected]
phone-icon + 66.(0)2.995 7470 – 1
logo

VOV

  • Home
  • /
  • วิธีทดสอบ Cleanroom ตรวจสอบจุดไหน ทำอย่างไรบ้าง
  • 05 Jun 2023
  • by VOV

วิธีทดสอบ Cleanroom ตรวจสอบจุดไหน ทำอย่างไรบ้าง

วิธีทดสอบ Cleanroom  ตรวจสอบจุดไหน ทำอย่างไรบ้าง

“วิธีทดสอบ Cleanroom มี 7 จุด เพื่อตรวจความพร้อมห้องสะอาด ทั้งก่อนส่งมอบและหลังใช้งาน ด้วยมาตรฐาน NEBB โดยทีมงาน VOV”

วิธีทดสอบ Cleanroom - คลีนรูม ต้องได้รับตรวจสอบ ทั้งหมด 7 จุด (ขึ้นไป)  โดยทดสอบทั้งช่วง ก่อนส่งมอบงาน - หลังจากใช้งานสักระยะ และควรทำเป็นประจำในทุก ๆ ปี เพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานอย่างเต็มระบบ ลดจุดบกพร่อง แต่การทดสอบก็มีความซับซ้อน ต้องใช้เครื่องมือทันสมัย และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์โดยตรงเท่านั้น

 

หัวใจสำคัญที่สุด การทดสอบ Cleanroom ควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ และผ่านการอบรมจาก NEBB มีคุณภาพตรงตามมมาตรฐาน และได้การยอมรับในระดับสากล ควรทำการทดสอบเต็มระบบทุกครั้ง ไม่แยกตรวจเฉพาะส่วน เพราะอาจเกิดความคลาดเคลื่อน หรือ ผลลัพธ์ไม่ตรงกับความเป็นจริง

วิธีทดสอบ Cleanroom ทำอย่างไรบ้าง
สำหรับ วิธีทดสอบคลีนรูม สากลเรียก Cleanroom Performance Testing - CPT นิยมใช้กับห้อง 2 ประเภท คือ คลีนรูมอุตสาหกรรม และ คลีนรูมทางการแพทย์ โดยทีมงาน VOV รวมข้อมูล “วิธีทดสอบ Cleanroom” รวม 7 จุด ฝากไว้เป็นแนวทาง สำหรับผู้ประกอบธุรกิจทุกระดับ

รวมวิธี ทดสอบ Cleanroom

1. วัดค่าฝุ่น เชื้อโรค แบคทีเรีย

ทดสอบ Cleanroom ส่วนสำคัญและควรทำเป็นลำดับต้น ๆ ต้องยกให้กับการ วัดค่าฝุ่น เพื่อตรวจอนุภาคฝุ่น แบคทีเรีย และเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเจ้าหน้าที่ใช้ “เครื่องมือวัดค่าฝุ่น” ที่เรียกว่า Particle Counter เทคโนโลยีทันสมัย ตัวเครื่องมีทั้งขนาดกลาง (ตามในรูป) และขนาดเล็กรูปทรงแบบด้ามจับ

กระบวนการวัดค่าฝุ่น เริ่มจากดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่อง Particle Counter แล้ววัดค่าฝุ่นออกมาเพื่อทำการเปรียบเทียบกับสเปก (คลาส) ของห้องคลีนรูม โดยพิจารณาค่าฝุ่นต่อปริมาตรอากาศ 1 ลูกบาศก์ฟุต แล้วบันทึกเป็นค่าของการทดสอบฝุ่น ทั้งนี้ ข้อควรระวังขณะทำการวัดค่าฝุ่น เจ้าหน้าที่เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ป้องกันการเกิดฝุ่นตามมา

ทดสอบ Cleanroom วัดความเร็วลม

2. ความเร็วลม

การ “วัดความเร็วลม” เกี่ยวข้องกับการไหลผ่านของอากาศ จึงต้องสอดคล้องกับสเปกของห้อง ทั้ง 2 ประเภท คือ “ห้องความดันบวก” และ “ห้องความดันลบ” ด้วยเช่นกัน

การทดสอบ Cleanroom ในเรื่องความเร็วลม นับเป็นการวัดประสิทธิภาพของระบบ HVAC ซึ่งใช้ปรับอุณหภูมิและแรงดันอากาศภายในห้อง ดังนั้น ถ้าความเร็วลมผิดพลาด แน่น่อนว่าเราต้องแก้ไขที่ระบบ HVAC ก่อนเป็นอันดับแรก


สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบความเร็วลมในห้อง Cleanroom คือ Direct Reading Hood มีลักษณะคล้ายอุโมงค์ลม 4 เหลี่ยมทรงกระบอก (แต่ไม่สมมาตร) ใช้ครอบและคลุมที่ช่องลมบนฝ้าเพดาน จากนั้น ทำการวัดค่า และแสดงผลบนจอมอนิเตอร์

Cleanroom ทดสอบ HEPA Filter

3. แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ วิธีทดสอบ Cleanroom ก็คือ การเช็กแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter เพื่อดูการรั่วไหลใน ทุกซอก - ทุกช่อง - ทุกมุม เริ่มจากการนำท่อขึ้นไปปล่อยสาร PAO - Polyalphaolefin จากนั้นใช้ Aerosol Generator เพื่อทำให้เกิดควัน ไหลเข้าสู่ระบบระบายอากาศ HVAC แล้วจึงใช้เครื่อง Scanning Probes ดูการไหลเวียนและการรั่วไหลของแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter อีกครั้ง

Cleanroom ทดสอบ ความดันห้อง

4. ความดันห้อง

วิธีทดสอบคลีนรูมจากการวัดความดันอากาศภายห้อง จำเป็นต้องสอดคล้องกับ “ประเภทคลีนรูม” อยู่เสมอ อย่างที่เรารู้กัน คือ มีอยู่ 2 แบบ ห้องความดันบวก และ ห้องความดันลบ


การวัดความดันห้อง นับเป็นวิธีทดสอบ Cleanroom ที่มีความสำคัญมาก โดยทีมงานใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “Manometer” เพื่อใช้วัดความดันในห้องให้ตรงกับสเปก หรือ ประเภท และความต้องการของอุตสาหกรรมที่ใช้ห้องคลีนรูม

ทดสอบ Cleanroom การไหลของอากาศ

5. การไหลเวียนของอากาศ

ตามหลักการ Cleanroom ถูกออกแบบมาให้เป็นระบบปิด เพื่อใช้ควบคุมการ เข้า-ออก ของอนุภาคทุกชนิด (อย่างเข้มงวด) แต่ทั้งในทางปฏิบัติและความเป็นจริง เราให้คนเข้าไปทำงานในคลีนรูม นั่นหมายความว่า ทุกคนต้องการอากาศ “ออกซิเจน - O2”  เพื่อใช้ในการหายใจด้วยเช่นกัน 

ดังนั้น การทดสอบอัตราไหลเวียนของอากาศ หรือ Airflow Parallelism Test จำเป็นต่อการอยู่รอด คลีนรูมที่ดี มีประสิทธิภาพสูง จำเป็นต้องมีการไหลเวียนอากาศที่สมบูรณ์ทุกขั้นตอน มีทางเข้าและออกชัดเจน อากาศไหลเวียนสะดวก ไม่เกิดกลิ่นอับ ระบายออกได้รวดเร็ว 

Airflow Parallelism Test ใช้วิธีการทดสอบแบบเดียวกับ ระบบปรับอากาศ HVAC และแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter เช่นกัน

Cleanroom วิธีทดสอบเสียง

6. ความดังของเสียง

เสียง อย่าคิดว่าไม่สำคัญ ! เพราะการสื่อสารที่ดี นับเป็นหัวใจของประสิทธิภาพ ช่วยลดข้อผิดพลาด และอุบัติเหตุจากการทำงาน เราสามารถทดสอบความดังของเสียงในห้อง Cleanroom ด้วยเครื่องวัดเสียง Sound Level Meter - SLM, เครื่อง Full and third octave filters และ เครื่อง Acoustic calibrators

หากห้อง Cleanroom มีเสียงดังมาก เกินกว่าระดับเดซิเบลที่กำหนด ไม่ว่าจะมาจากภายในห้อง เช่น การทำงานของเครื่องจักร  หรือ เสียงรบกวนที่เกิดขึ้นจากภายนอก เจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้รับเหมา จำเป็นต้องแก้ไขให้อยู่ในมาตรฐานที่รับได้ เพื่อให้ผ่านการทดสอบในที่สุด 

Cleanroom วัดค่าความสว่างของแสง

7. แสงสว่าง

วิธีทดสอบ cleanroom ในเรื่องสุดท้าย คือ การตรวจวัดแสงและความสว่างภายในห้อง สามารถตวจวัดได้ด้วยการใช้เครื่องมือ Light Meter เพื่อวัดแสงสว่าง ความเข้มข้นของปริมาณแสงภายในห้อง หากในห้องมีแสงสว่างน้อย จะมีผลกระทบต่อการทำงาน รวมไปสุขภาพของทีมงานด้วย

การทดสอบอุณหภูมิในห้อง Cleanroom ก็มีความสำคัญ ควรตั้งค่าให้มีความเสถียรมากที่สุด อุณหภูมิเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ใชง้าน และตรงตามสเปกที่วางไว้

นอกเหนือจากนี้ ยังมีการทดสอบคลีนรูมเพิ่มเติมเฉพาะจุด นับเป็นข้อตกลง “เจ้าของธุรกิจ” และ “ผู้ให้บริการทดสอบ Cleanroom” ทำร่วมกัน จัดอยู่ในขั้นแอดวานซ์ มีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่าปกติ

ในกรณี ห้องคลีนรูมไม่ผ่านการทดสอบ เจ้าหน้าที่ต้องชี้แจงข้อมูล เหตุผล พร้อมรายละเอียดในส่วนที่เกิดปัญหา หรือ ไม่ได้มาตราฐาน เพื่อให้เจ้าของธุรกิจเร่งดำเนินการแก้ไข  เมื่อปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยจนเป็นที่น่าพอใจ สามารถแจ้งให้ทำการทดสอบซ้ำอีกครั้ง โดยการทดสอบ ครั้งที่ 2 เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า และเงื่อนไขที่ต้องพูดคุยกันใหม่

VOV International ผู้ให้บริการคลีนรูมครบวงจร รองรับโครงการ Turnkey Project ด้วยมาตรฐานการรับรอง NEBB เราพร้อมดูแลทุกขั้นตอน ออกแบบ ก่อสร้าง Cleanroom รวมไปถึงบริการทดสอบ Cleanroom โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ สามารถทดสอบได้ทั้งก่อนส่งมอบ หลังส่งมอบ และในรูปแบบของ Third Party เมื่อผ่านการทดสอบจะได้รับ Certification ทันที

สรุปให้อ่านง่าย 

 วิธีทดสอบ Cleanroom เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นมาก ควรได้รับการทดสอบเป็นประจำในทุกปี โดยมีองค์ประกอบต้องพิจารณาอยู่หลายจุด เช่น ความสะอาด ค่าฝุ่น ความเร็วลม ความชื้น แผ่นกรองอากาศ ฯลฯ  สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการทดสอบ ก็เพื่อยกระดับการทำงานของคลีนรูมในทุกด้าน ปัจจุบันนิยมใช้การทดสอบด้วยมาตรฐานจาก NEBB องค์กรที่มีความเชี่ยวชาญ และเป็นที่ยอมรับในระดับโลก